เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๓ ม.ค. ๒๕๖๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมนะ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความเสมอภาคของธรรมๆ ไง แต่ที่มาที่ไป ที่มาที่ไปนะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย้อนบุพเพนิวาสานุสติญาณ คนมันมีกรรมเก่ากรรมใหม่ทั้งนั้น

 

เวลากรรม เวลากรรมเก่ามันสร้างสมมาๆ คนเราเกิดมา เกิดมาเสมอภาคกันโดยธรรม เพราะมีกายกับใจเหมือนกัน มีปากมีท้องเหมือนกัน คนเกิดมาต้องหาอยู่หากินเหมือนกัน เราเสมอภาคกันโดยธรรม ความเสมอภาคโดยธรรมนะ แต่คนมันมีเบื้องหลัง มันมีเบื้องหลังก็มีเวรมีกรรมขึ้นมา

 

วันนี้วันเด็ก วันเด็ก เด็กน้อย เด็กเป็นโอกาส เด็กที่เกิดมาที่อุดมสมบูรณ์พร้อมมูล เด็กคนนั้นมีวาสนา เด็กเราเกิดมาขาดแคลน มันเป็นตัวเลขของทางราชการนะ เด็กเข้าถึงการศึกษา ๕ เปอร์เซ็น เข้าถึงสาธารณสุข ๕๐ เปอร์เซ็น แล้วที่เหลือไปไหน ที่เหลือพ่อแม่อาบเหงื่อต่างน้ำ ต้องหาเงินส่งเสียๆ นี่ความทุกข์ความยาก ความทุกข์ความยากของการแสวงหา การแสวงหา เวลาเกิดมาไม่เท่ากันตรงนั้นน่ะ แต่รัฐบาล ผู้ที่เขามีใจเป็นธรรมเขาอยากจะส่งเสริมอยากจะสนับสนุน ความสนับสนุนนั้นเราช่วยเหลือเจือจานกัน ช่วยเหลือเจือจานกันไง จิตใจของคน คนก็ปรารถนาดีทั้งนั้นน่ะ ความปรารถนาดี เราช่วยกันเพื่อสังคม เพื่อความมั่นคงของชาติ แต่คนเกิดมามันมีเวรมีกรรม ถ้ามันเกิดมาอย่างนั้น ครอบครัวที่อุดมสมบูรณ์ เวลาเขาผิดพลาดขึ้นมา เวลาลูกเกิดขึ้นมามันแตกต่างกันๆ แม้แต่พ่อแม่คนเดียวกัน ลูกเกิดมาก็แตกต่างกัน เวลาเกิดต่างกันแล้วเราดูแลของเรา

 

เด็กไร้เดียงสา เราก็เป็นเด็กมาก่อนทั้งนั้นน่ะ ความไร้เดียงสานั่นน่ะ ความฝันของเด็กๆ ไง เด็กอยากเป็นหมอ เด็กอยากเป็นทหาร อยากเป็นพระ เด็กอยากเป็นพระ พอเป็นพระ เป็นพระอย่างไร เวลาเป็นพระขึ้นมาเป็นพระประเภทไหน ถ้าเป็นพระขึ้นมา เห็นไหม เพราะเด็กมันไร้เดียงสา มันจินตนาการของมัน มันเห็นของมันโดยความปรารถนาของมัน

 

แต่ความเป็นจริง ความเป็นจริงล่ะ นี่ความฝันของเด็กนะ เด็กมันมีความฝันของมัน มันมีจินตนาการของมัน มันมีแรงปรารถนาของมัน ถ้าแรงปรารถนา เวลามันเติบโตขึ้นมามันจะสมประโยชน์ของมันหรือไม่ ถ้าสมประโยชน์ มันอยู่ที่นี่ไง อยู่ที่ความมั่นคง อยู่ที่อำนาจวาสนา อำนาจวาสนา จิตมันตั้งมั่น จิตตั้งมั่นไม่วอกแวกวอแวไป

 

เวลาดูเด็กกตัญญูๆ วิ่ง ๕ กิโล ๖ กิโลไปเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวปู่ย่าตายายของตน มันน่าสงสาร แต่ทำไมใจของเขามันมั่นคงอย่างนั้นน่ะ เขาทำด้วยความพอใจของเขา เขาทำด้วยความสุขของเขา เราเห็นแล้วเราอยากจะไปช่วยเหลือ อยากจะไปเจือจานไง นี่ไง ถ้ามันมาถึงเม็ดในๆ เม็ดในนั้นเวรกรรมของสัตว์ เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ผลของวัฏฏะๆ นะ ถ้าผลของวัฏฏะมันมีกรรมเก่า กรรมใหม่ มันมีบุญกุศลทั้งนั้นน่ะ ที่เรามาทำบุญกุศลกัน ทำคุณงามความดีกันเพื่ออันนี้ไง

 

เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วเกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐมากนะ เด็กมันมีความฝันของมัน ความฝันของมัน ความฝันมันอยากมีอาชีพอะไร อยากจะมีครอบครัวอุดมสมบูรณ์ อยากจะมีความสุข แล้วเวลามันโตขึ้นมามันทำอย่างนั้นได้ไหม

 

เด็กด้อยโอกาส ความด้อยโอกาสทางสังคม สังคม ใครมีโอกาสแสวงหาสิ่งนั้นไง ถ้าแสวงหาสิ่งนั้นขึ้นมา มันเป็นวาสนาของคน อันนั้นเป็นเรื่องเวรเรื่องกรรมนะ แต่เรื่องธรรมๆ เรื่องความเสมอภาค เราอยากจะช่วยเหลือกัน อยากจะเจือจานกัน อยากจะทำคุณงามความดีต่อกัน

 

ความปรารถนาของผู้ใหญ่ ความฝันของผู้ใหญ่ ความฝันของเรา ความฝันของเราต้องการความสุข ความฝันของเราต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ความฝันของเราต้องให้สมความปรารถนา

 

สิ่งที่ความปรารถนาที่มันเป็นธรรมๆ นะ ความเป็นธรรม เห็นไหม อธิษฐานบารมี ถ้าไม่มีเป้าหมายตั้งมั่นว่าเราจะทำสิ่งใด เราจะแสวงหาสิ่งใด เราเกิดมาเป็นคนทำไม เราเกิดเป็นคนขึ้นมา เวลาเกิดเป็นคนต้องมีศักยภาพความเป็นมนุษย์ มนุษย์ต่างจากสัตว์ ต่างจากสัตว์เพราะมีศีลมีธรรม มนุษย์มีสมอง มนุษย์มีการกระทำ

 

มนุษย์ ถ้าเป็นมนุษย์ที่ดี ถ้าเป็นมนุษย์ที่ดี เรามีแรงปรารถนาเรามีการกระทำของเราขึ้นมา ถ้ามีสิ่งใดสมความปรารถนาอันนั้นมันก็เป็นผลบุญกุศลของเรา เป็นผลบุญกุศลคือการกระทำของเรา เป็นจังหวะและโอกาสของเรา เป็นการกระทำของเรา แต่ถ้ามันไม่สมความปรารถนา ไม่สมความปรารถนา เราก็เพิ่มความวิริยะ ความอุตสาหะ การกระทำของเรามากขึ้นๆ ความมากขึ้นไง

 

คนเรามันต่างกันตรงนี้นะ ต่างกันตรงจุดยืนของหัวใจ ต่างกันตรงความเข้มแข็งของใจ คนเราล้มลุกคลุกคลานขนาดไหนเขาก็พยายามลุกขึ้นมายืน ลุกขึ้นมายืนโดยการกระทำของเขา มันจะล้มขนาดไหนก็ให้มันล้มไป ความล้มเหลวนั่นแหละมันเป็นประสบการณ์ของชีวิต

 

เวลาคนที่ภาวนาๆ เวลาภาวนามันมีมากแค่ไหน เวลาความปรารถนาของพระๆ เวลาพระบวชมาแล้ว บวชมาแล้วก็อยากจะสิ้นกิเลสทั้งนั้นน่ะ เวลาถ้าอยากสิ้นกิเลสนะ ดูพฤติกรรมๆ ไง ดูสิ ครูบาอาจารย์ของเราที่ปรารถนาความพ้นจากทุกข์ๆ ศีล สมาธิ ปัญญา

 

ศีลเป็นพื้นฐาน ศีลน่ะ ถ้าศีลเป็นพื้นฐานมันมีความขาวสะอาดของมัน ถ้าศีลเป็นพื้นฐาน แล้วถ้าคนปรารถนาถึงที่สุดแห่งทุกข์ ไอ้ความสกปรกโสโครกที่การกระทำ มันจะทำได้อย่างไร เพราะเรามีความปรารถนามากกว่านั้นไง เราไม่มีความปรารถนาเท่านี้ เราไม่มีความปรารถนา ได้สถานะมาเราก็พอ เราไม่ต้องการ เราไม่ต้องการเพราะอะไร เพราะสรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง มันแปรสภาพหมดนะ มันแปรปรวนทั้งนั้น ไม่มีสิ่งใดคงที่เลย ทั้งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย สถานะมันต้องเปลี่ยนแปลงทั้งนั้นน่ะ ไม่มีสิ่งใดคงที่

 

เราไปปรารถนาสิ่งที่มันไม่คงที่ ปรารถนาสิ่งที่มันแปรปรวน แล้วมันจะเป็นจริงได้อย่างไรล่ะ แต่เราก็ต้องมีแรงปรารถนาใช่ไหม เราต้องมีการกระทำใช่ไหม เพราะคนเราเกิดมามีปากกับท้องใช่ไหม เราเกิดมาเราเสมอภาคกันโดยธรรมไง ทุกคนมีปากมีท้อง มีกายกับใจ มีความรู้สึกนึกคิดไง มีความคิดที่ดีๆ มีความคิดบีบคั้น มีกิเลสตัณหาความทะยานอยากในหัวใจ มันบีบคั้นมาตลอด แต่ถ้าเรามีแรงปรารถนาสิ่งที่ดีงามๆ เราพยายามทำของเรา

 

ดูสิ พระบวชมาๆ หลวงตาท่านพูดบ่อย ไอ้ที่ว่าเราทุกข์เรายาก อย่าเพิ่งพูดนะ ให้มาภาวนาเสียก่อน เวลาภาวนาขึ้นมาก่อน เพราะอะไร การภาวนามันทุ่มเททั้งชีวิตนะ เอาชีวิตเข้าแลก ธรรมะนี้แลกมาด้วยชีวิตนะ เพราะอะไร เพราะกิเลสมันต่อรองตลอด ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนั้นนะ เดี๋ยวจะเป็น เดี๋ยวจะตาย เดี๋ยวลำบากลำบน เป็นอย่างนั้นน่ะ

 

มันจะลำบากแค่ไหน เวลาจะตาย อะไรมันตายก่อน นี่เวลามันกระทำ มันกระทำขนาดนั้น ถ้ากระทำขนาดนั้นนะ ฉะนั้นถึงบอกว่า สิ่งที่เราเป็นทุกข์เป็นยาก เพราะว่าเราตั้งเป้าอะไรไง ความฝันไง

 

ความฝันของเด็ก เด็กมีความฝันของมัน มีความฝันอยากเป็นอะไร ให้มันมีเป้าหมาย มีการกระทำของมัน ความฝันของผู้ใหญ่ ฝันของเรา เราก็อยากจะมีความสุข อยากให้ครอบครัวเราร่มเย็นเป็นสุขนะ

 

เวลาเกิดมันมีเวรมีกรรมของเรา เวลาเกิด เรานี่มาเกิด แต่เวลาเกิดในท้องพ่อท้องแม่ พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูกไง ทั้งพ่อทั้งแม่ให้ชีวิตเรามานะ มนุษย์ต้องเกิดจากท้องพ่อท้องแม่ เกิดในไข่ ในครรภ์ ในน้ำครำ ในโอปปาติกะ กำเนิด ๔ ต้องเกิดแน่นอน เพราะเรามีสายบุญสายกรรมร่วมกันมา จิตมันบาลานซ์กัน เสมอกัน มันถึงมาเกิดร่วมกัน

 

แล้วจิตเวลาคนมันสูงส่ง ทางจิตวิทยา เวลาท้องต้องให้อารมณ์ดี ต้องให้สิ่งดีๆ มันช้าไปแล้ว มันตั้งแต่ปฏิสนธิเวลาเข้าสู่ครรภ์นั่นน่ะ มันเสมอภาคกันตอนนั้นน่ะ ถ้าเสมอภาคกันตอนนั้น มันมีความสงบสุข จิตมันมีสายบุญสายกรรมมาอย่างนั้น ถ้าสายบุญสายกรรมมันมีของมันมา เพราะเราเกิดมามีสายบุญสายกรรม ถ้าสายบุญสายกรรม พ่อแม่ของเราถึงเป็นพระอรหันต์ของลูก ให้ชีวิตนี้มา แต่เราเลี้ยงได้ด้วยร่างกาย พันธุกรรมของร่างกาย พ่อแม่มีกรรมพันธุ์ทั้งนั้นเลย มีโรคอะไรมา มีอะไรมา มาทั้งหมดเลย นี่กรรมพันธุ์ เราเกิดร่วมชาตินี้เพราะอะไร เพราะบาลานซ์กันมาตั้งแต่ปฏิสนธินั่นน่ะ ตั้งแต่อุบัติขึ้น

 

แล้วเวลาโตมาๆ เราอยู่ในครอบครัว มันมีการกระทบกระทั่งกันธรรมดา ลิ้นกับฟัน ลิ้นกับฟันมันก็ขบกันเป็นเรื่องธรรมดา ในครอบครัว คนใกล้ชิดมันมีการกระทบกระเทือนเป็นเรื่องธรรมดา

 

แต่หัวใจที่ยิ่งใหญ่ หัวใจที่ยิ่งใหญ่ให้อภัย เราเป็นพี่เป็นน้องกัน เราเป็นญาติกัน เป็นพ่อเป็นแม่กัน อย่างไรๆ ความรักในหัวใจนั้นมันมีมากกว่า ความผูกพันของครอบครัวมันแน่นหนากว่า ความกระทบกระเทือนกระทั่งกันนะ มันอยู่ที่หัวใจที่ยิ่งใหญ่

 

แต่หัวใจที่คับแคบ มันก็ทำให้มีการกระทบกระเทือนกันในครอบครัวเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าหัวใจเรายิ่งใหญ่ไง เราไม่ได้เกิดมาเอาตรงนี้ เราเกิดมา พ่อแม่ให้ชีวิตนี้มาก็มโหฬารแล้ว พ่อแม่ให้ชีวิตนะ

 

โลกนี้มีเพราะะมีเรา ทรัพย์สมบัติ หน้าที่การงาน ของเราๆ มาจากพ่อแม่ให้ชีวิตนี้มาก่อน เพราะมีชีวิตนี้มันถึงได้สมบัติมาทั้งหมด ทำดีทำชั่ว เราเป็นคนทำทั้งนั้น ถ้าทำทั้งนั้น สิ่งนี้มันเป็นประโยชน์กับเราไง ถ้าเป็นประโยชน์กับเรานะ สิ่งที่มันกระทบกระเทือนสิ่งใดนี่ไร้สาระ เรามีความคิดยิ่งใหญ่ ถ้าเป็นธรรมๆ นี่ความฝันของผู้ใหญ่

 

ความฝันของพระ ความฝันของพระไง พระกล้าฝันไหม มันไม่กล้าฝันน่ะสิ “โอ๋ย! มันสุดเอื้อม มันไร้ขอบเขตที่จะจับต้องได้ นิพพานไม่มี หมดกาลหมดสมัย”

 

ทุกข์เอ็งมีไหม ถ้าทุกข์เอ็งมีนะ ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ แล้วทุกข์ดับไปไง นิพพานคือดับทุกข์ไง สิ่งที่มันมีทุกข์ ทุกข์มันดับได้ไหมล่ะ ถ้าทุกข์มันดับได้ แต่เราดับได้ด้วยการหลอกลวงไง ว่างๆ ว่างๆ เราหลอกกันนะ เราหลอกตัวเองกัน ทั้งๆ ที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมวินัยนี้ไว้ แล้วเราก็มาหลอกตัวเอง หลอกตัวเองโดยกิเลสตัณหาความทะยานอยากของเราไงว่ามันเป็นอย่างนั้นๆ แล้วมันเป็นจริงหรือป่าว มันไม่มีความเป็นความจริงเลย

 

เราเกิดมาเรามีบุญกุศลนะ กึ่งกลางของพระพุทธศาสนามีหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านมามุมานะของท่าน หลวงปู่มั่นท่านกระเสือกกระสนของท่าน สลบถึง ๓ หน เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสลบถึง ๓ หน หลวงปู่มั่นท่านเป็นไข้สลบไปถึง ๓ ครั้ง หลวงตาท่านเล่าให้ฟัง เวลาคนสลบไปเหมือนช็อก คนช็อก ถ้าปั๊มหัวใจขึ้นมาไม่ได้ ถ้าไม่รู้สึกตัวขึ้นมา ตาย ภาษาเรา แลกกับความตายมา ๓ ครั้ง ท่านสลบไปเลยนะ แล้วลุกขึ้นมา หลวงปู่มั่นน่ะ

 

เรามีครูบาอาจารย์ที่มั่นคง ครูบาอาจารย์ของเราที่มีอำนาจวาสนาแสวงหาของท่านขนาดนั้น ท่านทำของท่านมา แล้วเราเกิดมากึ่งกลางพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาเจริญอีกหนหนึ่ง เจริญในหัวใจของหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น เจริญในใจของครูบาอาจารย์ของเรา ความเจริญนั้นคือมีคุณธรรม มีสัจจะมีความจริงในใจอันนั้น ถ้ามีความจริงในใจอันนั้น ใจสู่ใจไง จากใจดวงหนึ่งสู่ใจดวงหนึ่งไง เพราะใจดวงนั้นได้มีการกระทำมา ใจดวงนั้นมีเหตุมีผลขึ้นมา มีการกระทำเป็นความจริงขึ้นมา ใจดวงนั้นเป็นครูบาอาจารย์ของเรา เป็นหลักชัยของเรา

 

เรากล้าปรารถนาไหม ถ้าเรากล้าปรารถนา เพราะอะไร เพราะมีคนชี้นำเราไง ถ้าเราไม่มีครูบาอาจารย์ ไม่มีคนชี้นำมา เราก็ไม่กล้าปรารถนานะ เพราะอะไร เพราะมันมืดแปดด้าน มรรค ๘ มืดมนอนธการ แล้วอำนาจวาสนาอย่างเรานี่นะ มันจะมีอำนาจวาสนาไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร

 

แต่เรามีครูบาอาจารย์เป็นหลักชัย ครูบาอาจารย์ของเราท่านปฏิบัติมาก่อน มันมีคนชี้นำ เหมือนคนนำทางๆ เราเข้าป่า เราก็ต้องการผู้นำทาง นี่มีครูบาอาจารย์ของเรานำทางอยู่แล้ว นำทางที่ไหน

 

นำทางในหัวใจไง นำทางในการสงบไง นำทางโดยการศีล สมาธิ ปัญญา ถ้านำทางๆ แล้วทำอย่างไร อยู่โคนต้นไม้ไง อยู่ในเรือนว่างไง อยู่ในโคนไม้ อยู่ในเรือนว่าง เห็นไหม

 

ทำงานอะไรทำได้หมดเลย หลวงตาท่านบอกไง เวลาทำงานก็บ่นเหน็ดเหนื่อยนัก ท่านบอกว่า ถ้ายังไม่ภาวนา อย่าเพิ่งพูดนะ เวลาภาวนา เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาขึ้นมา ถ้ามันไม่ลง ทำอย่างไร อดนอนผ่อนอาหารอย่างไร ถ้าอดนอนผ่อนอาหารถึงช็อกถึงอะไรไป เพราะมันจะเอาชนะหัวใจของตนไง เพราะกิเลสมันอมไว้ กิเลสมันอมใจเราไว้ไง แล้วมันไม่ปล่อยให้ใจเราคายออกมาเลย มันไม่ปล่อยหัวใจเราให้เป็นอิสระเลย กิเลสมันอมไว้หมดเลย แล้วจะทำอย่างไรจะสู้กับมันล่ะ สู้กับกิเลสในใจของเรานั่นน่ะ

 

เวลากิเลสในใจของเรา เห็นไหม ทุกคนปรารถนาความสุข เกลียดความทุกข์ แล้วเราก็ปรารถนาความสุข เราต้องการความสุข ต้องการอริยทรัพย์ ต้องการสัจจะความจริง ทำไมเราต้องมาทุกข์มายากอย่างนี้ล่ะ ปฏิบัติต้องมีความสุขสิ ปฏิบัติมันต้องเวิ้งว้าง...หลอกตัวเองทั้งนั้น นี่การหลอกตัวเองไง ฝันว่าอะไร ฝันว่าอยากจะพ้นทุกข์ใช่ไหม แล้วการหลอกลวงอย่างนั้นเป็นการดำริโดยมิจฉา มิจฉาดำริ ความเป็นมิจฉา ความหลอกลวงตน นั่นความหลอกลวงตนเพราะกิเลสมันครอบงำไว้อีกทีหนึ่งไง กิเลสมันบังเงาไง คิดว่านี่เป็นธรรมๆ แล้วเป็นธรรมหรือไม่

 

นี่พูดถึงว่า เรากล้าปรารถนาไหม ถ้าเรากล้าปรารถนา เราต้องมีความมุ่งมั่น เราต้องมีหลักใจของเรา แล้วมีการกระทำตามความเป็นจริงของเราไง ถ้ามันเป็นความจริงขึ้นมา มันจะล้มลุกคลุกคลานให้มันล้มลุกคลุกคลานไป ถ้ามันล้มลุกคลุกคลาน

 

บัวสี่เหล่า ผู้ที่เกิดมาแล้วเป็นเหยื่อ เป็นอาหารของเต่าของปลา มันก็อยู่อย่างนั้นน่ะ มันโผล่ขึ้นมาไม่ได้เพราะสายบัวมันไม่ยาวพอ ถ้ามันขึ้นมาปริ่มน้ำ ปริ่มน้ำก็กระเสือกกระสนหน่อยนึง ถ้ามันพ้นจากน้ำ ถ้ามันได้แสงแดดมันจะบานของมัน

 

ดูจิตใจของเรา เราก็พยายามของเราสิ ถ้าเราพยายามของเรานะ คนเราพยายาม คนเราจะล่วงพ้นทุกข์ด้วยความเพียร ความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะ เป็นการชื่นชมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

เราศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามา ความสุขคือความปล่อยวาง คือความว่างไง แล้วก็ขี้เกียจขี้คร้าน ปล่อยเป็นขี้ลอยน้ำไง “นี่ชาวพุทธ พระพุทธเจ้าสอนให้ปล่อยวาง” มันไม่ทำอะไรเลย อย่ากินนะ อย่ากิน อย่านอน อย่าใช้ ต้องกิน ต้องนอนต้องใช้ แล้วทำอย่างไร

 

พระเราก็ต้องมี เช้ามาออกบิณฑบาต มีข้อวัตรปฏิบัติขึ้นมา เวลาวัตรในศาลา วัตรในโรงไฟ วัตรต่างๆ มันต้องมีวัตรปฏิบัติเพราะอะไร เพราะเรากินเราใช้ พระก็เหมือนกัน แต่พระขึ้นมาแบบสมณะ สมณะห้ามใช้ชีวิตแบบฆราวาส ฆราวาสเขาทำอะไรได้ พระห้ามหมด ตรงข้ามหมดเลย พอตรงข้ามหมด เพื่ออะไร เพื่อจะขีดวงเข้ามาให้สู่ในใจของตน ถ้าพระกล้าฝัน พระกล้ากระทำ ถ้าทำความเป็นจริงขึ้นมานะ ให้ทำเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาในหัวใจ เห็นไหม

 

ตั้งแต่เริ่มจากเด็ก ความฝันของเด็กไง เด็กมันมีความฝันนะ มีความฝัน มีจินตนาการที่แพรวพราวนะ นี่ความฝันของเด็ก เราควรอุ้มชู ควรถนอมรักษา สิ่งนั้นเป็นสิ่งดีงามๆ ให้เขามีความสุขของเขา แล้วโตขึ้นมาให้เขาเป็นพลเมืองที่ดี ให้เป็นสิ่งที่ดี

 

ถ้าเป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็ฝันถึงศีลถึงธรรม ถึงสัจจะความจริง ถ้าเป็นพระนะ พระก็ฝันถึงมรรคถึงผลของเรา ฝันถึงการกระทำของเรา แล้วถ้ามันเป็นจริงขึ้นมานะ เราไม่ต้องไปฝัน ไม่ต้องไปไขว่คว้า ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก มันเป็นสัจจะ มันเป็นความจริง มันต้องคนจริงหาความจริง แล้วมันจะได้ความจริง ความจริงที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบไหว้

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ สัจธรรม คุณธรรม พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สัจธรรมนั่นน่ะสำคัญมาก แต่มันเป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่ จิตใจที่มั่นคง จิตใจที่ถาวรถึงจะไปสัมผัส ถึงจะมีโอกาสได้สัมผัสธรรมอันนั้นไง ถ้าได้สัมผัสอันนั้น เห็นไหม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต เอวัง